welcome



ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ชีวิตเปื้อนสุข: สุภาพ-ปัญญา


          เที่ยงแล้ว แม้จะสั่น แต่สองมือน้อยนั้นคงเหนี่ยวดึง พร้อมกับสองเท้าที่ช่วยถีบส่งให้เจ้าของร่างไต่ระดับสูงขึ้นไป สูงขึ้นไป สุดท้ายเขาก็โหนตัวขึ้นไปอยู่บนทางมะพร้าวได้สำเร็จ
          โซะเภียบ เด็กชายวัยสิบสองนั่งอยู่บนยอดมะพร้าวกับเสียงหายใจหอบถี่บ่งบอกถึงความอ่อนล้า ยิ่งสาย เด็กน้อยก็รู้สึกว่ายอดมะพร้าวมันยิ่งสูงขึ้น สูงขึ้น เขาจำไม่ได้ว่าปีนมากี่ต้นต่อกี่ต้นแล้วในวันนี้ เด็กน้อยรู้แต่ว่าตอนนี้เขาเหนื่อยและหิวมาก ตั้งแต่เช้าแล้วที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากมะพร้าวอ่อนที่พอช่วยบรรเทาอาการแสบท้องบ้างเท่านั้น
          ปัญญา พี่ชายของเขายืนจับปลายเชือกอยู่ข้างล่าง พี่ชายส่งสัญญาณบอกให้ตัดมะพร้าวขณะที่คอยดึงเชือก และค่อยๆ หย่อนเพื่อให้ทะลายมะพร้าวที่มัดอยู่ลงมาบนพื้นดินอย่างนิ่มนวลที่สุด เขาสองฅนต่างผลัดกันขึ้นผลัดกันโยงลูกมะพร้าวอยู่อย่างนี้มาครึ่งค่อนวันแล้ว วันนี้มีมะพร้าวเยอะ มันก็ดีที่เขาจะได้เงินเยอะขึ้น
          เมื่อตัดเสร็จต้นโซะเภียบก็นั่งลงมากับมะพร้าวทะลายสุดท้ายสู่พื้นดิน เมื่อเช้านี้เขายังเฮฮากันอยู่เลยกับวิธีลงแบบนี้ แต่ยามนี้ทุกอย่างคืองานจริงๆ สองพี่น้องมองหน้ากัน เหนื่อยเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา หากรับรู้ได้จากแววตาอ่อนล้านั้น 'อดทนหน่อย เดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว'

          วันนี้ได้ค่าแรงเยอะเป็นพิเศษ เหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้ม หากได้ค่าแรงดีๆ แบบนี้บ่อยๆ ความฝันของเขาคงอยู่ไม่ไกล แถวนี้บางบ้านมีไฟฟ้าใช้กันแล้ว แต่บ้านของพวกเขายังต้องอาศัยพลังงานแสงสว่างจากแบตเตอรี่รถยนต์กันอยู่เลย เขาอยากมีไฟฟ้า มีจานดาวเทียมที่ดูทีวีไทยได้ แม่ของเขาชอบดูละครไทย โดยเฉพาะเรื่อง ปรอกายปรึก* ซึ่งคนที่นี่เคยติดกันงอมแงม แต่ตอนนี้ละครไทยเป็นสิ่งต้องห้ามในทีวีขแมร์**  โซะเภียบจำได้ว่าเขาเคยถามแม่ว่าทำไม 'เป็นเด็กไม่ต้องรู้หรอก รู้แต่ว่าเขาห้ามก็พอ' เป็นเด็กไม่ต้องรู้หรอก คำนี้ทำให้เขาต้องเงียบเสียทุกครั้งไม่ว่าเรื่องอะไร

          บ่ายคล้อย... จักรยานเก่าๆ คันหนึ่งคือพาหนะที่พาเขาและพี่ชายกลับบ้าน มันก็ดีที่ไม่ต้องเดิน แต่หลังจากเหนื่อยล้ามาแล้วครึ่งค่อนวัน พวกเขาก็ชักไม่แน่ใจกันแล้วว่า ระหว่างเดินกับปั่นจักรยานนี่อย่างไหนจะดีกว่ากัน 
          ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางตรงสามแยกนั่น มันช่างเชิญชวนยิ่งนักในยามที่หิวจนแสบท้องแบบนี้ โซะเภียบปั่นจักรยานช้าลง ช้าลง ก่อนจอดสนิท กลิ่นกรุ่นจากหม้อก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ โชยฟุ้ง 
          "กลับไปกินข้าวที่บ้าน" ปัญญาบอกน้องอย่างรู้ทัน ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งสามพันห้าร้อยเรียล มันเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับพวกเขา น้องชายมองเลยไปยังกองหอยตากที่คลุกเคล้าพริกเกลืออย่างยั่วยวน 
          "ซื้อหอยตากได้มั้ย" โซะเภียบต่อรอง 
          "เอาเงินไปให้แม่ก่อนแล้วค่อยขอแม่มาซื้อ" ปัญญาบอกน้องชาย

          แม่ไม่อยู่บ้านเมื่อสองพี่น้องมาถึง คงยังไม่กลับจากงานในไร่นั่นแหละ
          "กลับมากันแล้วเรอะ" เสียงพ่อทักทาย  โซะเภียบรู้สึกผิดหวังขณะที่พี่ชายล้วงเงินทั้งหมดในกระเป๋าส่งให้กับพ่อ เขารู้ดีว่าถ้าเงินถึงมือพ่อ ส่วนหนึ่งมันจะหายไปกับน้ำเมา และวงน้ำเต้าปูปลาที่เล่นกันอย่างเสรีในหมู่บ้าน พ่อของเขาจะต่างจากผู้ชายขแมร์ฅนอื่นตรงที่ไม่ต้องทำงานอะไร เขาเคยถามแม่เช่นกันว่าทำไมพ่อถึงไม่ต้องทำอะไร 'ก็เขาเป็นพ่อ' นั่นคือคำตอบ

          เด็กชายได้แต่มองตามหลังพ่อ ซึ่งเดินจากไปพร้อมค่าหอยตากที่เขายังไม่ทันจะได้ขอจากแม่เลย
          "อาย้าน่ะ ไปดูวัวก่อนนะ หาน้ำให้มันกินด้วย" เป็นเสียงพ่อที่ยังหันกลับมาสั่ง โซะเภียบรู้ว่าพี่ชายของเขานั้นทั้งเหนื่อยและล้าแค่ไหน แต่พี่ยังคงก้มหน้าปั่นจักรยานไปนาโดยไม่ปริปากสักคำ 'เพราะว่าเป็นลูก'

*****************************************

*ดาวพระศุกร์
**ปัจจุบันได้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามแพร่ภาพละครไทยทางทีวีขแมร์แล้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น