ดอกตะแบกบานรับแดดแรง ฝูงวัวเล็มหญ้ากลางทุ่งร้อน กลุ่มเด็กผู้ชายยังคงส่งเสียงดังจากกอไม้ตามโคก ฉันเหลือบดูพวกเขา ก่อนหันกลับมาสนใจช่อดอกไม้ซึ่งกำลังส่ายไหวลู่ลมนั้น...
ฉันชื่อ ปบพา อายุสิบสามขวบ ใครต่อใครมักเรียกฉันว่า โปว ด้วยความที่เป็นลูกฅนสุดท้อง นั่นหมายถึงความรักความเอาใจใส่ที่ฉันจะได้รับเป็นพิเศษกว่าใครด้วย
วันนั้นฟ้าใส ดอกตะแบกเบ่งบานอวดสีสัน ม่วงเข้ม ม่วงอ่อน บ้างจางจนชมพูถึงขาวแซมอยู่ในช่อเดียวกัน เด็กน้อยเฝ้ามองอย่างชื่นชมขณะที่แม่และพี่สาวกำลังง่วนอยู่โคนต้น เสียงเลื่อยกัดกินเนื้อไม้ตามจังหวะการดึงของทั้งสอง เมื่อโดนคมบั่นจนสุดทนไม้ก็ล้มฟาดดินจนสะท้าน กิ่งหักดอกใบหล่นร่วงกระจาย
"เอาดอกไม้ เอาดอกไม้" เด็กน้อยร้องบอกพลางชูมือไขว่คว้าอากาศเบื้องหน้า... รอยยิ้มปริ่มสองแก้มขณะรับช่อตะแบกที่พี่สาวยื่นให้ โลกของเธอสดใสเสมอ...
ภายใต้เพิงพักพักกลางป่าซึ่งสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ เสาไม้เอนโอนหลังคามุงหญ้า เด็กน้อยนั่งอิงกระสอบถ่านกอดช่อดอกไม้แนบอก รอยยิ้มยังเปื้อนปนใบหน้ามอมแมมนั้น... ควันขาวลอยเป็นสายจากปล่องข้างกองดินพาดผ่านฟ้าใส แม่และพี่สาวยังคงตัดทอนไม้ไว้สำหรับการเผาถ่านหลุมต่อไป... ท่ามกลางสายลมและเสียงนกกาในป่ากว้าง หนูน้อยอ้าปากหาว สองตาเริ่มหรี่ปรือและหลับไปในท่านั้น โลกแห่งความฝันของเธอสดใสเช่นกัน
แม้จะไม่ทันเย็นย่ำสักเท่าไรแต่กลางป่านั้นมืดไวเสมอ เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าแมลงช่วยสร้างบรรยากาศวังเวงครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณ เด็กน้อยถูกจับนั่งบนกระสอบถ่านในรถเข็นเพื่อพากลับบ้าน สายลมยังคงโชยพัด ดอกตะแบกที่เริ่มแห้งเหี่ยวยังวางอยู่บนตัก ขณะแม่และพี่สาวเข็นรถโยกคลอนไปตามทาง ตะวันลาลับยอดไม้ ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวัน
ผู้ฅนขวักไขว่ภายใต้เสื้อผ้าสีสดใสท่ามกลางเสียงจอแจ สินค้าแปลกๆ สวยงามจากร้านค้าสองข้างทางนั้นสร้างความตื่นตาให้เด็กน้อยได้เสมอ ทุกครั้งที่แม่ต้องการขายถ่านเธอก็จะได้มาที่นี่ ตลาดพรมแดนฝั่งไทย ดินแดนแห่งความสุขของวัยเยาว์ นอกจากขนมอร่อยๆ แล้ว วันนี้แม่ยังซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สีสดรวมถึงหมวกสวยเข้าชุดให้เธอด้วย เป็นชุดที่สวยงามไม่ต่างจากของเด็กฅนที่วันก่อนเธอได้แต่อิจฉา... ได้ชุดสวยอวดเพื่อนแล้ว เด็กน้อยเดินยิ้มกอดถุงผ้า ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับร้านค้าตรงหัวมุมถนน มันถูกวางไว้อย่างเด่นชัดอวดสีสันสวยงาม
"เอาดอกไม้ เอาดอกไม้" เด็กน้อยร้องพลางเอื้อมมือไขว่คว้า ต้นไม้ในกระถางสวยงามต้นนั้นถูกตกแต่งจนเหมือนจริง ด้วยลำต้นที่ทำจากเถาวัลย์ติดใบและดอกไม้พลาสติกเข้าไป มันสวยกว่าดอกตะแบกแห้งเหี่ยวที่เลิกสนใจไปแล้วมากทีเดียว แม้แม่จะพยายามบ่ายเบี่ยง ทั้งพี่สาวจะพยายามหว่านล้อมให้เธอเลิกสนใจ แต่เด็กน้อยรู้ว่าหากไม่หยุดรบเร้าและไม่หยุดร้องไห้ เธอก็จะได้มันมาในที่สุด มันเป็นเช่นนั้นเสียทุกครั้งไป...
แม่บอกให้รอถึงวันสงกรานต์เมื่อเด็กน้อยร้องขอใส่ชุดสวย หากเธอยังคงเฝ้ารบเร้า เพราะรู้ว่าหากหมั่นทำเช่นนั้นก็จะได้สิ่งที่ต้องการ ในที่สุดเด็กน้อยก็ได้ใส่ชุดใหม่อวดเพื่อนก่อนสงกรานต์จะมาถึงสมใจ วันนั้นเธอยิ้มชื่นสนุกได้ทั้งวันเพราะมีแต่ฅนคอยเอาใจ หากสับสนบ้างในบางคราวที่พี่สาวดูจะขี้แย เด็กน้อยรู้ว่าทั้งแม่และพี่สาวนั้นเข้มแข็งเสมอ เธอเคยเห็นแม่ไอออกมาเป็นเลือด แต่แม่ยังหันมาส่งยิ้มทักทายให้เธอยิ้มตอบได้ทุกครั้ง กระทั่งสองพี่น้องต้องมาอยู่ในความดูแลของป้า เธอจึงได้รู้ว่าแม่จากเธอไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรพี่สาวนั้นยังคงปกป้องเธอเสมอ
"หนูไปอยู่กับพี่ไม่ได้เหรอ" เธอถามทั้งสะอื้นขณะที่พี่สาวได้แต่ส่ายหน้า
"พี่เอ็งน่ะเขามีผัวแล้วก็ต้องไปอยู่กับผัวเขาสิ เอ็งก็อยู่กับป้านี่แหละ" คำตอบนั้นไม่ต่างจากคำสั่งให้หยุด เธอจึงได้แต่กลั้นสะอื้นไว้เท่านั้น
เมื่อสองวันก่อนเธอยังสนุกอยู่เลยกับงานเฉลิมฉลอง งานที่พี่ของเธอได้ใส่ชุดเจ้าสาวสวยงาม
"เอ็งต้องแต่งงาน พรุ่งนี้จะมีคนมาขอ" ป้าบอกกับพี่สาวของเธอเมื่อหลายวันก่อน หลังจากนั้นงานแต่งก็ถูกจัดขึ้น ทุกฅนแต่งตัวสวยงามและสนุกกับการเล่นร้องเล่นรำกัน แต่พี่สาวกลับทำให้เธอสับสนอีกครั้งเมื่อได้สบตา พาให้คิดถึงวันที่แม่จากลาเสียไม่ได้... หลังจากวันนั้นพี่สาวก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลเธออีกเลยเมื่อสองฅนต้องแยกจากกัน...
ดอกตะแบกยังคงพลิ้วไหวตามสายลมพัดผ่าน บ้างปล่อยกลีบบางร่วงหล่นดิน ฝูงวัวยังคงเล็มหญ้ากลางทุ่งร้อน เสียงเพลงจากเด็กเลี้ยงวัวยังคงแว่วดัง ฉันหันมองก่อนรวบรวมกิ่งไม้แห้งที่หามาเข้าด้วยกัน อดเหลือบมองพวกเขาไม่ได้ขณะแบกฟืนผ่าน นึกอิจฉาไปด้วยที่พวกนั้นยังมีเวลาเฮฮา... เด็กนักเรียนเดินตามกันเป็นกลุ่มบนถนนที่ทอดยาวผ่านผืนนา วันนี้ฉันคงได้แต่มองและแอบอิจฉาเช่นกัน และคงทำได้แค่นั้น วันนี้ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องทุกสิ่งตามต้องการด้วยการด้วยน้ำตา สายเกินกว่าจะร้องไห้ได้อีกแล้ว.
หมายเหตุ: ดัดแปลงจากเค้าโครเรื่องจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น