welcome



ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ชีวิตเปื้อนสุข: ไอ้ดื้อ

          รถของเด็กพวกนัั้นแผดเสียงดังลั่นผ่านหน้าบ้านเราไป แต่วันนี้ไม่มีเสียงของมันเห่าไล่หลังเหมือนทุกวัน มันชื่อไอ้ดื้อ ครั้งแรกที่ได้เห็นมันตัวเล็กและผอมโซเลยทีเดียว มันมาจากไหนไม่รู้ แม่ให้ข้าวมันกินแล้วมันก็อยู่กับเรามาตลอด แม่บอกว่าดีแล้ว แมวมาหาหมามาสู่เป็นเรื่องดี
          ผมชอบเล่นกับมัน มันเองก็ชอบตาม ไม่ว่าผมจะไปหาปูหาปลาหรือที่ไหนๆ ก็ตาม แต่มันก็ดื้อสมชื่อจริงๆ มันชอบกัดรองเท้า กัดทุกอย่างแม้แต่หัวน้ำเหวี่ยงตามสวน และยังชอบคุ้ยโคนทุเรียนที่พ่อเพิ่งปลูก มันทำให้ต้นทุเรียนตาย พ่อโดนเถ้าแก่ดุ ดูเหมือนเถ้าแก่จะไม่ค่อยชอบไอ้ดื้อนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าแกจะไม่ชอบสุนัขนะ เพราะที่บ้านแกก็มีหมาที่แกให้นอนในห้องแอร์เลยด้วยซ้ำ พ่อชอบบอกว่า 'ฅนอะไรเลี้ยงหมาอย่างกับลูก' แต่ก็นั่นแหละ เมื่อไอ้ดื้อทำให้พ่อถูกดุ มันก็เลยถูกพ่อตีเพราะเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
          อีกอย่างที่จะทำให้ไอ้ดื้อโดนตีก็คือเรื่องที่มันชอบวิ่งไล่รถ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคันหรอกนะที่ไอ้ดื้อมันจะไล่กวด... ถนนหน้าที่พักของเราจะเป็นทางซอยเข้าสวนไม่ค่อยมีรถผ่านมากนักหรอก แต่หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์แล้วล่ะก็ จะมีกลุ่มเด็กๆ ที่ชอบขับมอร์เตอร์ไซค์เร่งเครื่องเสียงดังผ่านไปมากันแทบทั้งวัน นั่นแหละที่ไอ้ดื้อมันจะไม่ชอบเลย

          ตอนเย็นวันนั้นมันตามผมไปหาปลาที่อ่างเก็บน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเรานัก เสียงแว้นเฮฮาของเด็กพวกนั้นดังมาแต่ไกล ผมหันไปตะคอกไอ้ดื้อเมื่อรถกำลังผ่านเราไป แต่มันไม่ฟัง กลับเห่าเสียงดังและวิ่งไล่รถคันหนึ่งออกไป เมื่อไม่ทันมันก็หันกลับ นั่นทำให้รถคันที่ตามหลังมาเกือบชนมัน ดีที่ไอ้ดื้อหลบได้ทัน แต่มันกลับไปขวางทางของรถอีกคันที่วิ่งสวนมาจึงโดนชนอย่างจัง รถคันนั้นเสียหลักล้มไถลไปกับมัน
          ไอ้ดื้อคงเจ็บมาก มันร้องเสียงหลงทีเดียว เด็กฅนนั้นก็คงเจ็บ ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองขณะที่พวกเขาชี้หน้าด่า ฟังไม่ออกหรอกว่าพวกนั้นด่าว่าอะไร แต่ถึงฟังออกก็คงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ดี พวกเขาโกรธมาก เด็กฅนหนึ่งคว้าไม้จะไปฟาดไอ้ดื้อซ้ำแต่มันก็หนีไปได้

          "ไอ้กบาลรึง* หาเรื่องมาให้อีกแล้วนะมึง" พ่อบ่นมันเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น มันทำให้เราต้องเสียเงินที่พ่อบอกว่ามากพอดู ทั้งค่าซ่อมรถและค่ารักษาฅนเจ็บ ผมรู้ว่าพ่อไม่มีเงินมากนักหรอก พ่อมาทำงานที่นี่ได้ค่าแรงแค่วันละสองร้อย 'เราไม่ใช่ฅนไทยเหมือนเขา จะหวังค่าแรงเท่าเขาคงจะยาก มีงานทำก็ดีแล้ว' ผมเคยได้ยินพ่อบอกกับแม่แบบนั้น พ่อบอกว่าถึงอย่างไรก็ดีกว่าได้ค่าแรงแพงแล้วถูกโกง เหมือนก่อนหน้านี้ที่พ่อเคยทำงานก่อสร้างที่เกาะแห่งหนึ่งแล้วไม่ได้ค่าแรงอะไรเลย ช่วงนี้ฝนตกบ่อยด้วยพ่อจึงไม่ได้ทำงานทุกวัน เมื่อพ่อมีเงินไม่พอเถ้าแก่จึงต้องจ่ายค่าปรับให้ก่อน แล้วค่อยหักคืนจากค่าแรง...

          "ช่วงนี้เราต้องประหยัดกันหน่อยนะ" พ่อพูดกับแม่
          "ไม่เป็นไรหรอก กินอดอย่างไรก็ยังดีกว่าอยู่บ้านเรา อย่างน้อยยอดตำลึงกับผักกระสังในสวนก็ยังพอหาได้" เสียงแม่บอกกับพ่อ อาจเหมือนที่แม่ว่า อยู่ที่นี่อย่างไรก็ยังดีกว่าที่บ้าน แต่ผมก็อดคิดถึงทุ่งนากว้างใหญ่ อดคิดถึงเพื่อนๆ ที่นั่นไม่ได้สักที เพราะนอกจากไอ้ดื้อแล้วผมก็ไม่มีเพื่อนที่นี่เลยนี่นา

          รถของเด็กพวกนั้นแผดเสียงดังลั่นผ่านหน้าบ้านเราไป แต่วันนี้ไม่มีเสียงของมันเห่าไล่หลังเหมือนทุกวัน... เรานั่งกินข้าวกันเงียบๆ ตะวันดวงโตเห็นได้เมื่อมองผ่านประตูออกไป เย็นนี้มันช่างดูเงียบเหงามากเลย
          "พ่อไม่ได้ฆ่ามันใช่ไหม" ผมอดที่จะหันไปถามพ่อไม่ได้
          "ไม่ได้ฆ่า...!" พ่อลากเสียงหนัก "มันไปกินหญ้าที่พ่อเพิ่งพ่นยานั่นแหละ ทำให้มันตาย" พ่อตอบก่อนหันไปหยิบชิ้นเนื้อทอดจากสำรับขี้นมา "กินเข้าไปเถอะ สัจปิเซส์** เชียวนะ ไม่ใช่จะมีทุกวันนะเอ็ง" พ่อพูดพลางส่งชิ้นเนื้อเข้าปาก ผมก้มมองเนื้อทอดในชามนั่นอีกครั้งก่อนหยิบมันขึ้นมา.

หมายเหตุ: ดัดแปลงจากเค้าโครเรื่องจริง
*****************************************

*กบาลรึง = ดื้อ หัวดื้อ
**คนขแมร์มักเลี่ยงใช้คำว่า สัจปิเซส์ (เนื้อพิเศษ) แทนการเรียกเนื้อสุนัข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น