แตงโมที่ถูกทุ่มลงกับโคนไม้ตรงหน้านั้นแตกกระจายในทันที เนื้อในสีแดงแหลกเหลวออกมาดูช่างไม่ต่างจากลิ่มเลือดสดๆ ด้วยใบหน้าซีดเผือเ เขามองมันอย่างหวาดผวา กายสั่นริกขณะทรุดร่างลงช้าๆ พลางคร่ำครวญ
ตั้งแต่รุ่นหนุ่มแล้วที่เขามีความสนใจทางด้านไสยศาสตร์คาถาอาคม หากแต่ภายนอกนั้นเขาอาจดูไม่เหมือนฅนที่ชื่นชอบทางด้านนี้สักเท่าไร เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกนี้จะชอบปลีกวิเวก การแต่งกายก็ดูจะผิดแผกจากชาวบ้านทั่วไป บ้างปล่อยเนื้อปล่อยตัวสกปรก บ้างก็ผมเผ้ายาวรุงรัง รวมถึงกริยาอาการที่แสดงออกซึ่งทำให้รู้ได้ไม่ยาก ในขณะที่เขานั้นเรียกว่าหากไม่รู้จักกันจริง จะไม่มีทางทราบเลยว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านคุณไสย
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาดูคล้ายฅนเล่นของทั่วไปก็คือการใช้ชีวิตโสดอย่างยาวนานหลายปี กว่าจะมีคู่ครองอายุอานามก็ร่วมสี่ห้าสิบ นั่นทำให้เขาดูจะลดเรื่องความชื่นชอบทางเดรัจฉานวิชาลงไปได้บ้าง ซึ่งใครต่อใครต่างรับรู้ได้ถึงความขยันขันแข็งหาเลี้ยงลูกเมียของเขา
"พ่อขอโทษ ลูก พ่อขอโทษ!" เขาได้แต่ตระกองกอด ซบหน้ากับร่างโชกเลือดของลูกชายและปล่อยสะอื้นออกมา เหลือบมองภรรยาซึ่งนอนจมกองเลือดไม่ห่างกัน
"ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ!" เขายังคงได้แต่พร่ำบอกกับร่างไร้ลมหายใจทั้งสองนั้น
"ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษ!" เขายังคงได้แต่พร่ำบอกกับร่างไร้ลมหายใจทั้งสองนั้น
แม้จะไม่ทราบที่มาที่ไปอย่างแน่ชัดสักเท่าไร แต่ด้วยประสบการณ์ก็ทำให้เขาปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่อยากเย็นนัก มันต้องเริ่มจากแตงโมลูกนั้น พระธุดงค์องค์นั้น และความร้อนวิชาของเขา
คุณไสยที่เขาเชี่ยวชาญก็คือ ยาสั่ง เขารู้จักมันแทบทุกชนิด นั่นหมายถึงวิธีการปรุงขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นชนิดน้ำ ครีม ผง ทำมาจากพืช หรือสัตว์ สั่งให้ตายด้วยอะไร ช้าเร็วแบบไหน เขาเรียนรู้จนช่ำชอง
วันที่เขาคิดค้นวิธีวางยาสั่งแบบใหม่ วันนั้นพระธุดงค์รูปนั้นผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพอดี พระรูปเดียวรอนแรมเข้ามาในถิ่นกันดารแบบนี้ ส่วนใหญ่ต้องมีวิชา แต่จะแก่กล้ามากน้อยแค่ไหนนั้น เขาคิดว่าเดี๋ยวคงได้รู้กัน มันช่างประจวบเหมาะกับการอยากลองวิชาของเขายิ่งนัก
ไม่มีใครทราบเรื่องนี้แม้แต่ลูกและเมีย ทุกฅนล้วนคิดว่าเขาวางมือแล้ว นั่นทำให้เขาทำอะไรได้ง่ายขึ้น และเขาแน่ใจว่าวิธีการวางยาสั่งที่คิดค้นขึ้นนั้นจะแนบเนียนจนไม่มีใครสงสัย หรือจับได้อย่้างแน่นอน
แตงโมจากไร่ของไอ้หงัดกำลังได้ที่พอดี เขาหมายตาไว้หลายวันแล้วก่อนจะแอบเอามาเมื่อคืน... จากวิธีวางยาสั่งแบบเดิมๆ ที่ต้องเหน็บเล็บแล้วแอบจุ่มในอาหาร หากแต่เขาได้คิดค้นจนยาของเขาสามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปในทุกอณูเนื้อของอาหารต่างๆ ได้ และแตงโมทั้งลูกไม่ได้ผ่าแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้นใครล่ะจะมาสงสัย และกว่าที่จะมีอะไรเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อพระท่านจะได้ฉันแตงโมซ้ำอีกครั้งเมื่อไรนั่นแหละ
เขายิ้ม เขาจำได้ว่าตอนนั้นเขายิ้ม ในขณะที่ตอนนี้ได้แต่ร่ำไห้กับความสูญเสียตรงหน้า... ทั้งสองสิ้นลมแล้วเมื่อเขามาถึง โดยทิ้งร่องรอยแห่งความทรมานก่อนการจากลาให้ได้รับรู้ ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวแสดงอาการเจ็บปวดสาหัส ตาเบิกค้างเหลือกโพลน คราบของเสียถูกขับถ่ายออกมาทางทวารหนักเบาเกรอะกรัง ส่งกลิ่นคลุ้งผสมคาวเลือดที่ทะลักจากปากและจมูกเจิ่งนองพื้นกระดาน
แตงโมผ่าครึ่งนั้นถูกตักกินจนแทบเหลือแต่เปลือก อีกลูกหล่นอยู่กับพื้นดิน หากแต่ไม่สำคัญเท่ากับเนื้อแตงที่ปนอยู่กับกับกองเลือดนั่น มันสร้างความรู้สึกเย็นเยือกแล่นเข้าจับขั้วหัวใจจนสั่นสะท้าน
เขาช่างโง่เง่าสิ้นดี ไม่ได้นึกสงสัยเลยที่กลับบ้านเย็นนั้นจะมีแตงโมที่ภรรยานำมาผ่ากินกัน คิดแต่ว่าไอ้หงัดมันตัดแตงก็เลยแบ่งมาให้จนลืมถามภรรยาให้ถ้วนถี่
บางที... เขาอาจโดนย้อนรอยจากภิกษุรูปนั้น หรือไม่ก็แค่มีคนนำของไปถวายจนพระฉันไม่หมดจึงต้องแบ่งชาวบ้านมากิน และโชคร้ายที่มันย้อนกลับมาที่เขาก็ได้ หรืออาจด้วยเหตุผลร้อยแปด แต่ไม่ว่าอย่างไร เขา ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องยาสั่ง กลับพลาดจนของเข้าตัว และกลายเป็นผู้กำหนดการตายอย่างทรมานแก่ลูกเมีย และตัวเอง
มือสั่นเทาเอื้อมหยิบชิ้นแตงโมซึ่งหล่นกระจายเบื้อนดินตรงหน้า เขาแค่นยิ้มออกมาด้วยความสมเพชเวทนาตัวเอง ก่อนละเลียดเข้าไปทั้งน้ำตา
ท่ามกลางความหม่นมัวและเงียบงัน เสียงร้องโหยหวนแผดก้องออกมาพร้อมลิ่มเลือดสดๆ ที่ทะลักจากปากและทวารหนักเบาต่างๆ ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวดวงตาทะลักปูดโปน และเขาคงได้แต่ส่งเสียงน่าเวทนาอยู่อย่างนั้น.
ขอบคุณภาพจาก: https://www.pexels.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น