บาตข้าวสารคืออะไร เชื่อว่าหลายท่านคงไม่รู้จักแน่นอน และหากอยากรู้จักคงต้องย้อนยุคมาทางภาคตะวันออกเมื่อหลายสิบปีที่แล้วกัน
ในสมัยก่อนบ้านนอกของผม (อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด) จะไม่ค่อยมีบ้านเรือนผู้ฅนอยู่กันหนาแน่นสักเท่าไร บ้านฆ้อ บ้านเกิดของผมนั้น สมัยที่ผมเป็นเด็กน่าจะมีบ้านเรือนอยู่ไม่เกินห้าสิบหลัง และอยู่กระจัดกระจายกันออกไปตามหัวไร่ปลายนาอีกต่างหาก
วัดฆ้อจะเป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งในสมัยนั้นซึ่งจะมีวัดเพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งตอนนั้นวัดดูจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้ฅนมากกว่าสมัยนี้อย่างเห็นได้ชัดทีเดียว และด้วยความที่วัดมีเพียงไม่กี่แห่ง วัดฆ้อของผมจึงมีผู้ฅนทั้งจากที่ใกล้ไกล ต่างหมู่บ้าน ต่างตำบล ต่างอำเภอก็มี พากันมาทำบุญ ทั้งที่การคมนาคมก็ไม่ได้สะดวกสบายอย่างในปัจจุบันนัก บางฅนต้องมาค้างคืนบ้านญาต เพื่อจะได้ไปทำบุญที่วัดกันในเช้าวันรุ่งขึ้น ในสมัยก่อนญาตพี่น้องแม้จะอยู่ห่างไกล ก็ยังได้ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ อย่างน้อยก็ทุกวันพระ และในงานบุญต่างๆ นั่นแหละครับ
แต่ส่วนมากก็จะเป็นช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น ที่วัดเราจะคึกคัก ช่วงออกพรรษาไปแล้ว หรือช่วงที่ยังไม่ถึงฤดูพรรษา วัดของเราก็เงียบเหงาพอควร บางครั้งพระสงฆ์ต้องหุงหาอาหารกันเองด้วยซ้ำ และบางครั้งพระก็ไม่มีแม้แต่ข้าวสารที่จะนำมาหุงฉันกัน เมื่อข้าวสารไม่มี หรือเหลือน้อย งานนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของเหล่าบรรดาเด็กวัด หรือญาตโยมซึ่งคอยดูแลพระนั่นแหละ ที่จะต้องออกไป บาตข้าวสารกัน (คำเต็มน่าจะมาจาก บิณฑบาตข้าวสารนะครับ)
เด็กวัดก็จะสะพายย่ามกันคนละใบ ออกไปตามบ้านเรือนที่มีคนอยู่ เมื่อพบเจ้าของบ้านก็ขึ้นไปนั่งคุกเข่า พนมมือยกขึ้นเหนือหัวพร้อมทั้งพูดว่า บาตข้าวสาร ชาวบ้านก็จะเข้าใจ และตักข้าวสารในโอ่งในไหใส่ย่ามของเด็กวัดกัน
ประเพณีบาตข้าวสารนี้หายไปนานเท่าไรผมเองก็จำไม่ได้แล้ว แต่วันนี้นึกขึ้นมาได้ก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นบันทึกความทรงจำเท่านั้นครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น