welcome



ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

น้ำตับกวาง กับปูนาตำตะไคร้


          อดีต เราอาจย้อนมันได้ด้วยภาพถ่าย ภาพเครื่อนไหว หรือภาพซึ่งอยู่ในความทรงจำ บางครั้งอาจมาจากความรู้สึก และบางทีเราอาจสามารถสัมผัสถึงอดตีตได้มากกว่านั้น จากอาหารที่รับประทาน ลองมาดูอาหารสองชนิดซึ่งนับว่าเป็นรสชาติจากอดีตกัน
น้ำตับกวาง

          น้ำตับ หรือน้ำตับกวาง เป็นอาหารพื้นบ้านที่ในสมัยก่อนเรา (คนตราด) มักมีติดบ้านไม่ต่างจากปลาร้าของทางภาคอีสาน ในสมัยที่ผมยังเด็กนั้นบ้านข้างๆ ที่เป็นญาติกันเขาจะชอบออกป่าล่าสัตว์หรือที่เรียกกันว่านายพรานนั่นแหละ สมัยนั้นสัตว์ป่ายังคงชุกชุมเราเลยก็เลยมีเก้งกวางกินกันเป็นประจำ เนื้อสัตว์ป่าหรือเก้งกวางที่หาได้ในสมัยนั้นเราไม่ค่อยที่จะได้ขายกันสักเท่าไรนักหรอก หากจะหนักไปทางแบ่งกันกินเสียมากกว่า เมื่อมีมากก็หาวิธีเก็บไว้กินในคราวต่อไป ซึ่งหากเป็นเนื้อนั้นเราก็จะใช้วิธีย่างเป็นการถนอมอาหารเก็บไว้ (อันเป็นที่มาของแกงขี้เหล็กเนื้อย่างในปัจจุบัน) แล้วถ้าเป็นในส่วนของเครื่องในอย่างตับล่ะ หากเป็นตับเราก็จะนำมาหมักโดยการสับให้ละเอียดเคล้าเกลือให้เข้ากันแล้วหมักไว้ในไห (บ้านในสมัยก่อนมักมีไหน้ำปลาติดบ้านแทบทุกหลังครับ) อาจต้องหมักกันนานเป็นเดือนก่อนที่จะนำมาปรุงเป็นอาหารกันได้...

          ส่วนวิธีปรุงก็ไม่มีอะไรยุ่งอยาก แค่นำมาต้มกับข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และอาจใส่หอม กระเทียมหรือพริกขี้หนูสดลงไปด้วย เพียงแค่นี้ก็ได้อาหารพื้นบ้านรสชาติเค็มมันอร่อยแล้วครับ.


ปูนาตำตะไคร้
          การทำนาคืออาชีพของคนไทยส่วนใหญ่ในอดีต และศัตรูพืชในสมัยนั้นส่วนใหญ่อาจไม่ใช่พวกเพลี้ยพวกรา หากแต่เป็นพวกนกหนูหรือปูนาเสียมากกว่า นึกถึงปูนาขึ้นมาได้นั่นแหละ วันนี้จึงอยากเชิญชวนไปลองลิ้มรสชาติของอดีตกัน
บอกกล่าวกันก่อนว่า ตามปรกติแล้วผมจะไม่ค่อยชอบที่จะรับประทานปูสักเท่าไรนัก แม้แต่ปูทะเลก็เถอะ จะมีข้อยกเว้นก็คือ ปูนาตำตะไคร้ นี่แหละครั แฮ่
มาดูส่วนประกอบกัน
๑ : ปูนาต้ม (หรือเผาจะมีกลิ่นหอมขึ้น) ๖-๗ ตัว
๒ : ตะไคร้ อันนี้ถ้าไม่มีคงไม่เรียกปูนาตำตะไคร้แน่นอน มากน้อยตามชอบ หรือประมาณ ๑-๒ ต้น
๓ : กระเทียม สัก ๒-๓ กลีบตามความพอใจครับ
๔ : ข่า  อันนี้แล้วแต่ชอบจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ก็ ๓-๔ แว่นโดยประมาณครับ
๕ : พริกขี้หนูสด ชอบเผ็ดมากเผ็ดน้อยอย่างไรก็ตามความพอใจเช่นเคยอีกล่ะครับ


วิธีทำ
          วิธีทำก็ไม่มีอะไรยุ่งยากครับแค่จับทุกอย่างมาใส่ครกโขลกรวมกันก็เรียบร้อย โดยเริ่มจากตำข่าให้แหลกก่อน จากนั้นใส่กระเทียม ตามด้วยพริก ตะไคร้ที่หั่นซอยไว้ และสุดทัายก็ปูนาต้มที่แกะกระดองออกแล้ว (ปูนาจะไม่ค่อยมีเนื้อ แค่แกะกระดองออกอย่างเดียวครับ) โขลกให้ละเอียด ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลา ก็เป็นอันเสร็จสรรพ ตักใส่ถ้วย ยกข้าวสวยร้อนๆ มา ก็พร้อมซึมซับรสชาติจากอดีตกันได้แล้วครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น