ตราดถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ หากยังมีสำเนียงภาษาพูดที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ จังหวัดตราดในสมัยก่อนจะถูกแบ่งออกเป็นบ้านบนและบ้านล่าง
บ้านบนหมายถึงถิ่นที่อยู่ต้นน้ำอย่าง อ.บ่อไร่ และเขาสมิงบางส่วน
บ้านล่างจะหมายถึงถิ่นที่อยู่ไกล้ทะเลอย่าง อ.เมือง อ. คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ
สำเนียงพูดของคนบ้านบนและบ้านล่างนั้นจริงๆ แล้วต่างกันสุดขั้วเลยทีเดียว โดยคนบ้านบนจะถูกมองว่าพูดจาสำหราก (พูดไม่เพราะ พูดกระโชกโฮกฮาก หรือพูดไม่มีหางเสียง) คือสำเนียงพูดของคนบ้านบนนั้นจะแข็งกว่าคนบ้านล่าง เช่นถ้าคนบ้านล่างพูดว่า
"คัยตำน้ำพริ่กไม่ล้างคร่ก" (ใครตำน้ำพริกไม่ล้างครก) คนบ้นบนก็จะพูดอีกสำเนียงเป็น
"คัยตำน้ามพิกไม่ล้างค้ก" (ความจริงแล้วยากมากที่จะเขียนตัวสะกดให้ตรงกับสำเนียงที่แท้จริง)
"คัยตำน้ำพริ่กไม่ล้างคร่ก" (ใครตำน้ำพริกไม่ล้างครก) คนบ้นบนก็จะพูดอีกสำเนียงเป็น
"คัยตำน้ามพิกไม่ล้างค้ก" (ความจริงแล้วยากมากที่จะเขียนตัวสะกดให้ตรงกับสำเนียงที่แท้จริง)
ถึงคนบ้านบนเหมือนกันก็เถอะ ก็ยังมีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไปอีก ที่จะเห็นได้ชัดน่าจะเป็นแถวด่านชุมพล สมัยก่อนถ้าคนแถวนั้นจะพูดว่า "อะไรนั่น" ก็จะออกเสียงเป็น "อ่ะกั๊ยหนัน" และคนด่านฯ สมัยก่อนชอบลงท้ายว่า "เขาเอย" แต่จะออกเสียงเป็น "เก๋าเอ๋ย" เช่น "บอกแล้วสีเก๋าเอ๋ย" เท่ากับ "บอกแล้วไง" (แต่ว่าสมัยนี้เราคงไม่ค่อยได้ยินสำเนียงด่านฯ ดั้งเดิมกันสักเท่าไรแล้ว)
คำว่าสีก็เช่นกันที่ทำให้มองเห็นความแตกต่างในภาษาพูดของคนตราด คนทั่วไปมักคิดว่าคนภาคตะวันออกอย่าง ระยอง จัน ตราด มักพูดลงท้ายด้วยคำว่า ฮิ ไม่เสมอไปหรอกครับเพราะแถวบ้านผม (บ้านบน) จะไม่ลงท้ายด้วยคำว่าฮิ แต่จะลงท้ายด้วยคำว่าสีแทน เช่น "อะไรสี" เท่ากับ "อะไรนะ" "บอกแล้วสี" เท่ากับ "บอกแล้วไง" แต่ตอนนี้คำว่าสีก็ไม่ค่อยได้ยินแล้วเช่นกัน
ด้วยการที่คนบ้านบนถูกมองว่าพูดจาสำหรากไม่เพราะ ก็ทำให้คนบ้านบนบางคนเวลาที่อยู่ในกลุ่มคนก็จะพยายามดัดสำเนียงพูดของตนแบบที่เราเรียกกันว่าพูดดัดเพื่อจะให้เหมือนคนบ้านล่าง จะด้วยความอายในสำเนียงพูดของตนหรืออย่างไรก็แล้วแต่ก็เลยทำให้มีเรื่องขำขำที่อยากจะเอามาเล่าให้ฟังกันสักหน่อยครับ
สมัยที่บ่อไร่อยู่ในยุคตื่นพลอย (ขอเรียกอย่างนี้นะเพราะฟังคล้ายยุคตื่นทองของอเมริิกาดี) สมัยนั้นบ่อไร่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนานๆ จะได้มาตัวอำเภอสักที เธอคุยกับเพื่อนของเธอแบบพยายามดัดสำเนียงเต็มที่ว่า "แหม บ่อไร่เดี๋ยวนี้เจริญนะ บ้านช่องผิดหูผิดตา" ทันใดก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาและเหยียบน้ำในหลุมกระเด็นใส่ เธอหันไปตะหวาดด้วยความโกรธว่า "ห่ากว๊าด ก๊ดนี่ วิ่งม่ะกู๊เกื่อง เปียกม้ด" ความหมายก็คือ "ห่ากวาด (ขออภัยที่ต้องใช้คำต้นฉบับ) รถนี่ วิ่งไม่รู้เรื่อง เปียกหมด" ครับก็เป็นเรื่องเล่าฮาๆ ที่มีที่มาจากเรื่องจริงครั้งอดีตนั่นแหละครับ
เป็นความจริงที่คนเรามักอายที่พูดไม่เหมือนคนอื่น คิดว่าตัวเองเหมือนตัวตลกที่พูดไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ ก็เลยพยายามดัดสำเนียงเพื่อให้ฟังดูดี แต่การพูดดัดนั้น สำเนียงที่ออกมามันไม่เป็นธรรมชาติ (ถ้าพูดได้ชัดเจนก็ไม่เรียกว่าดัด) การที่เราพยายามพูดดัดเพื่อให้ฟังดูดีนั้น ผมว่ามันฟังดูตลกยิ่งกว่าการพูดตามธรรมชาติของเราเสียอีกนะครับ และการพูดตามธรรมชาติไม่ว่าสำเนียงจะเป็นอย่างไรนั้นมันฟังดูจริงใจ และไม่เสแสร้งดี... เผมเคยทำงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะช้าง ในตอนแรกนั้นผมเห็นพนักงานต้อนรับคนหนึ่งที่ชอบวางมาดแบบ สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง ก็ไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไรนัก ทีแรกผมไม่คิดว่าเธอเป็นคนตราดหรอก เพราะด้วยมาดและสำเนียงพูดที่ชัดเจน แต่เมื่อได้คุยกันก็มีบางครั้งที่เธอหลุดสำเนียงตราดออกมา ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่า "เอ็งรู้มั้ย เวลาเอ็งพูดแบบคนตราดนะ เอ็งน่ารักชิบหายเลยว่ะ" (ชิบหายในที่นี้แปลว่ามาก เป็นความหมายเชิงบวกนะครับ)
พูดแล้วก็ยาว มีภาษาตราดอีกคำหนึ่งที่ไม่ทราบว่ามีใครเคยพูดหรือเคยได้ยินกันมาบ้างหรือเปล่า คำนี้ทำให้คนที่มาจากถิ่นอื่น หรือคนที่ไม่เคยได้ยินต้อง อึ้ง ทึ่ง กันเลยครับ คำนี้ก็คือคำว่า "โหวย" ที่มีที่มาจากคำว่า "โว้ย" ซึ่งเป็นคำหยาบ แต่เมื่อคนตราดแปลงมาเป็น โหวย ความหมายก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคำที่ใช้ในเชิงตัดพ้อ เช่น "บอกแล้วนี่โหวย" ความหมายก็จะประมาณว่า "บอกแล้วนี่นา ไม่เชื่อกันทำไมล่ะ" และด้วยความหมายที่เปลี่ยนไปเราเลยพูดกันโดยไม่ได้คิดอะไร คนต่างถิ่นที่เพิ่งได้ยินก็จะงงว่า เอ๊ะ นี่เขาพูดโว้ยกับพ่อแม่หรือคนสูงวัยกว่าได้ด้วยหรือ ก็ต้องรีบอธิบายกันหละครับว่าสองคำนี้มันต่างกันนี่โหวย
ภาษาตราดบางส่วนซึ่งแทบไม่ได้ยินกันแล้วในสมัยนี้ครับ
ก้ามปู = กระเจี๊ยบแดง
ลำมะตี้ = กระเจี๊ยบเขียว
น้ำพริกเกลือ = น้ำจิ้ม (ซีฟู้ด)
ข้าวเปียก = ข้าวต้ม
น้ำเคย = น้ำปลา (มีที่มามาจากน้ำเคยที่ได้มาจากการหมักเคยเพื่อทำกะปิ)
เหีย/เอ๋ = พี่ชาย
เจ๊/เอ๊ = พี่สาว
เป๊าะ/เพาะ = พ่อ
แมะ = แม่
โพง = กระป๋องตักน้ำ
ไฟชิค = ไฟแช็ค
ผ้าโป้ = ผ้าขาวม้า
เสงิด = เห่อตาม
สะหงาด = สะใจ/ที่สุด
ละเง้ด = เป็นห่วง
ละแงม = ค่อยๆ ทำ (ความหมายเชิงลบ)
หง่อย = เชื่องช้า
กลั๊ง = บ๊อง
บ่อง = เจาะ
ขีโครก = สะอิดสะเอียน
เช่ด = หมด/เกลี้ยง
สำหราก = (พูด) ไม่เพราะ
ลิ่น = นิ่ม (สัตว์)
ฟาน = เก้ง (สัตว์)
เหง่ย = แทะ
ตกหมอง = (ผ้า) ขึ้นรา
สุย = ดัน/เข็น
จู๋ง = ไหว้ (ใช้กับเด็นเหมือคำว่า ทุ)
จ้อน = ช่าง/หัด (มักใช้กับเด็กแก่แดด หรือซน)
ขนมเมือง = ขนมสำเร็จรูป (ไม่ใช่ขนมสด)
เขียง = ม้ารองนั่งตัวเล็กๆ
สบ = ชอบพอ
กระเหน่น = มันเขี้ยว/อยากฟัด
กระเจ๊ = ด้วงกว่าง
กระเจ๊ขี้ควาย = แมงกุดจี่
อุบ = แอบ/อบ/ปิด
กระซ้าด = รุ่งริ่ง (ใช้เป็น กระซี้ดกระซ้าด)
ตะหลุก = หลุมบ่อ
ชะมัว = โพล้เพล้ใ กล้ค่ำ
ฝนแล้ง = ฝนหยุดตก
สวัสดีทุกคน,
ตอบลบฉันชื่อคุณรูกาเร ซิม ฉันอาศัยอยู่ในฮอลแลนด์และวันนี้ฉันเป็นคนที่มีความสุข? และฉันบอกตัวเองว่าผู้ให้กู้คนใดก็ตามที่ช่วยฉันและครอบครัวของฉันจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของเรา ฉันจะแนะนำใครก็ตามที่กำลังมองหาเงินกู้ให้เขา เขาให้ความสุขกับฉันและครอบครัวของฉัน ฉันต้องการเงินกู้ 300,000.00 ดอลลาร์ เพื่อเริ่มต้นชีวิตของฉันใหม่ทั้งหมดเพราะฉันเป็นพ่อคนเดียวที่มีลูก 2 คน ฉันได้พบกับคนที่ซื่อสัตย์และอัลลอฮ์กลัวผู้ให้กู้เงินกู้ซึ่งช่วยฉันด้วยเงินกู้ 300,000.00 ดอลลาร์ เขาเป็นคนที่เกรงกลัวอัลลอฮ์ หากคุณต้องการเงินกู้และคุณ จะจ่ายคืนเงินกู้โปรดติดต่อเขาบอกเขาว่า (คุณ Rugare Sim) แนะนำคุณให้เขา ติดต่อคุณ Mohamed Careen ทางอีเมล: (arabloanfirmserves@gmail.com)
แบบฟอร์มข้อมูลการขอสินเชื่อ
ชื่อจริง......
ชื่อกลาง.....
2) เพศ:.........
3) จำนวนเงินกู้ที่ต้องการ:.........
4) ระยะเวลาเงินกู้:.........
5) ประเทศ:.........
6) ที่อยู่บ้าน:.........
7) เบอร์มือถือ:.........
8) ที่อยู่อีเมล..........
9) รายได้ต่อเดือน:.................
10) อาชีพ :.................................
11) เว็บไซต์ใดที่คุณอยู่ที่นี่เกี่ยวกับเรา .....................
ขอขอบคุณและขอแสดงความนับถือ.
อีเมล arabloanfirmserves@gmail.com